วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Sophie Marceau


Sophie Marceau (French pronunciation: born 17 November 1966) is a French actress, who has appeared in 35 films. During her teens, Marceau achieved popularity by her debut films La Boum (1980) and La Boum 2 (1982), for which she received a César Award for Most Promising Actress. In addition to her French language films, she has worked in international films such as Braveheart (1995) and as the main antagonist Elektra King in The World Is Not Enough (1999).
Marceau was born Sophie Danièle Sylvie Maupu in Paris, France, the second child of Simone (née Morisset), a shop assistant, and Benoît Maupu, a truck driver.[1][2] The family lived a working-class existence that left Marceau with generally fond memories of childhood. During the week, she helped at the family restaurant. She spent weekends with her family in La Cabane, a small house in Vert-le-Petit in the department Essonne. Her parents divorced when she was nine.[3]

วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Justin Bieber

Justin bieber หรือ Justin Drew Bieber หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า เจบี นักร้องหนุ่มน้อยชาวแคนาดาวัย 16 ปีคนนี้ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) เขาเริ่มเป็นที่รู้จักในปี ค.ศ.2006 (พ.ศ.2549) เมื่อได้เข้าแข่งขันร้องเพลงและได้ตำแหน่งรองชนะเลิศในเวที Stratford Idol และในปี 2007 แม่ของหนุ่มน้อยเจบีได้อัดวิดีโอการร้องเพลงของเจบี แล้วเผยแพร่ลงใน youtube.com และกลายเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องอินเทอร์เน็ต จนสุดท้ายผลงานของ justin bieber ได้ไปเตะตา Scooter Braun ซึ่งเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเจบีในปัจจุบัน ในตอนนั้น Braun ได้ส่งผลงานให้ Usher โปรดิวเซอร์ระดับเซียน และนั่นถือเป็นจุดเริ่มต้นของความโด่งดังของหนุ่มเจบีคนนี้

วันพุธที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2553

Blanc cuit à la vapeur chili vivaneau chaux(ปลากระพงขาวนึ่งพริกมะนาว)






Ingrédient



Seabass le premier.


Poivron rouge, vert 10 pc.


20 Retour à l'ail


Oignon émincé longs morceaux 1 1 / 2 pouces de 2 tonnes.


Le jus de citron 3 c. à soupe.


La sauce de soja 2 c. à thé.


Bouillon de 3 / 4 tasse


Sucre 1 / 2 c..Sel, sel.


Découpé sauce au citron pour deux verres de certains.


Ail, pour la garniture 1 / 4 tasse


Comment faire


1. Laver le poisson échelle, des dents de poisson et évider le remplissage. Terminal Chevron tronquée nettoyer le poisson des deux côtés. Organisé pour la plaque à la vapeur.


2. Piment Pound ail soigneusement mis dans la soupe assaisonnée de sauce de soja, sucre, sel, poivre blanc et le goût du jus de citron bon goût lorsqu'il est utilisé pour le verser sur le poisson.


3. Led à une forte chaleur dans la vapeur d'eau bouillante pendant 15-20 minutes jusqu'à cuisson complète de lever les verres décorés de tranches de citron. Et le piment haché.

วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ขนมปัง


ขนมปังได้แพร่ไปทั่วโลก แล้วแต่ละประเทศเค้ามีขนมปังแบบไหนกันบ้าง

ขนมปังเป็นอาหารที่ไม่ใช่ขนม ในสมัยอยุธยาตอนที่ชาวยุโรปมาอยู่กันมาก ได้มีการนำแป้งสาลีเข้ามาทำขนมปังกินกันไม่หุงข้าวกินกันแบบบ้านเรา (เพราะข้าวสาลีหุงได้ แต่กินไม่ได้ เพราะมันจะเละ) คำว่าขนมปัง ไทยรับมาตรงๆจากภาษาฝรั่งเศสคือ " Pan " อ่านว่า " แปง " คนไทยเห็นว่า ไม่น่าจะเป็นอาหารหลักได้ จึงเรียกว่าขนม เรียกติดปากมาตลอดว่า ขนมปัง
ชาวฝรั่งเศสนิยมทำขนมปังเป็นเส้นยาวๆ เรียกว่า French Bread ยาวประมาณ 50 ซม. ผิวนอกแข็งมาก รสชาติจืดๆ ไม่ใส่น้ำตาล ชาวฝรั่งเศสมีรสนิยมในการทำขนมปังมาก ดูแล้วน่าบริโภคไปหมด คนเวียดนามได้สูตรการทำ ขนมปังจากฝรั่งเศส ทำขนมปังเนื้อแน่น ไม่อ่อนพริ้วแบบขนมปังไทย
ชาวอังกฤษชอบทำขนมปังเป็นก้อนกลม ขนาดประมาณ 12 ซม. มีแบบนุ่มและแบบแข็ง แบบนุ่มเรียกว่า Breakfast Roll รับประทานเป็นอาหารเช้า ส่วนแบบแข็งเรียกว่า Dinner Roll อาหารมื้อเย็น เวลาเสริฟ จะเสริฟขนมปังด้านซ้าย และยังชอบทำขนมปัง Scone สำหรับกินกับน้ำชาตอนบ่าย
ทางด้านชาวแดนิชชอบของหวานๆ ขนมปังหวานเรียกว่า Danish Bread ส่วนชาวเยอรมันทำขนมปังหลายแนวมาก มีทั้งเป็นแท่ง เป็นก้อนเล็ก ใหญ่ และมีแบบขดเป็นวง 2 วง เรียกว่า Pretzel ว่ากันว่าสมัยก่อนการกินขาดแคลน ทำเป็นก้อนตันๆไม่พอแบ่ง จึงทำเป็นเส้นเล็กๆขดเป็นวง แต่มีอุบาย หลอกเด็กว่าการทำเป็นวง 2 วง ทำให้สามารถเห็นดวงจันทร์ได้ 2 ดวง
ชาวญี่ปุ่นเรียกขนมปัง ว่า " ปัง " ตรงตัว และทำขนมปังทุกแบบที่มีในโลก หากเข้าร้านขนมปัง ญี่ปุ่น ซึ่งปัจจุบันมีอยู่มากมายในประเทศไทย จะพบขนมปังเป็นร้อยชนิด ดูลานตา ไม่รู้จะลองอะไรก่อนดี

วันเสาร์ที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2553






เนยแข็ง หรือ ชีส (อังกฤษ: cheese) คือ ผลิตภัณฑ์จากนมซึ่งสามารถผลิตได้จากนมวัวหรือแพะ เป็นต้น ที่ผ่านกระบวนการคัดแยกโปรตีน แล้วนำโปรตีนของนมมาทำการผสมเชื้อรา หรือแบคทีเรีย หรือสารอื่นๆ แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของเนยแข็ง ซึ่งแตกต่างจากเนยที่ทำมาจากไขมันของนม
เนยแข็งเป็นอาหารที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน โดยมีปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนที่สุดในคัมภีร์ไบเบิล กลุ่มนักรบทหารโรมันเป็นบุคคลผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้รู้จักเนยแข็ง เพราะไม่ว่าจะยกทัพไปที่ใดก็มักจะนำเนยแข็งไปด้วยเสมอและมักจะแบ่งปันเนยแข็งที่มีให้กับคนท้องถิ่นนั้นๆ โบสถ์จัดว่าเป็นสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเนยแข็งที่เด่นชัดที่สุดในสมัยกลาง การจำหน่ายเนยแข็งเพื่อหารายได้เข้าโบสถ์ของบาทหลวงในศาสนาคริสต์ส่งผลให้เกิดเนยแข็งแบบดั้งเดิมที่มีเฉพาะในแต่ละท้องถิ่น และในเวลาต่อมาเนยแข็งท้องถิ่นนี้ได้ถูกพัฒนาปรับปรุงรสชาติให้มีความหลากหลาย จนในปัจจุบันมีเนยแข็งมากกว่า 3,000 ชนิด ซึ่งคนไทยมักมีความเข้าใจผิดว่าเนยแข็งและเนยเหลวเป็นอาหารประเภทไขมันเช่นเดียวกัน อันที่จริงแล้วเนยแข็งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโปรตีนในน้ำนมวัว ในขณะที่เนยเหลวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากไขมันในน้ำนมวัว ดังนั้นเนยแข็งจึงจัดเป็นอาหารจำพวกโปรตีนเหมือนเนื้อสัตว์ และมีคุณค่าทางโภชนาการไม้แพ้น้ำนมวัว เนยแข็งให้สารอาหารจำพวก แคลเซียม โปรตีน ฟอสฟอรัส วิตามินบี 12 สังกะสี และไขมัน แต่ให้น้ำตาลแลคโตสในปริมาณที่น้อยกว่าในน้ำนม ผู้ที่มีปัญหาในการดื่มนมจึงสามารถหันมารับประทานเนยแข็งแทนเป็นทางออกแทนได้ แม้การรับประทานเนยแข็งจะเป็นวัฒนธรรมของต่างชาติแต่ในปัจจุบันนี้เนยแข็งก็เข้ามามีบทบาทอย่างมากต่อวงการอาหารไทย ดังนั้นเราจึงควรรู้จักเลือกรับประทานเนยแข็งโดยเลือกทานชนิดที่มีไขมันต่ำและบริโภคในปริมาณที่เหมาะสมก็จะก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด


วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เพลงชาติฝรั่งเศส

"Rouget de Lisle chantant la Marseillaise"

รูเชต์ เดอ ลิสล์ร้องเพลงลามาร์แซแยสภาพเขียนโดย อิซิดอร์ ปิลส์ (Isidore Pils)


ลามาร์แซแยส (
ฝรั่งเศส: La Marseillaise, "เพลงแห่งเมืองมาร์เซย์") เป็นชื่อของเพลงชาติสาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน ประพันธ์คำร้องและทำนองโดย โคลด โจเซฟ รูเชต์ เดอ ลิสล์ เมื่อวันที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2335 ที่เมืองสตราสบูร์ก ในแคว้นอัลซาซ เดิมเพลงนี้มีชื่อว่า "Chant de guerre de l'Armée du Rhin" (แปลว่า "เพลงมาร์ชกองทัพลุ่มน้ำไรน์") เดอลิสล์ได้อุทิศเพลงนี้ให้แก่นายทหารชาวแคว้นบาวาเรีย (อยู่ในประเทศเยอรมนีในปัจจุบัน) ซึ่งเกิดในประเทศฝรั่งเศสผู้หนึ่ง คือจอมพลนิโคลาส ลัคเนอร์ (Nicolas Luckner) เมื่อกองทหารจากเมืองมาร์เซย์ได้ขับร้องเพลงนี้ขณะเดินแถวทหารเข้ามายังกรุงปารีส ทำให้เพลงนี้เป็นที่รู้จักโดยทั่วไป และกลายเป็นเพลงปลุกใจในการร่วมปฏิวัติฝรั่งเศส ทั้งยังเป็นที่มาของชื่งเพลงลามาร์แซแยสดังปรากฏอยู่ในปัจจุบันด้วย
สมัชชาแห่งชาติฝรั่งเศสได้ออกประกาศรับรองให้เพลงลามาร์แซแยสเป็นเพลงชาติฝรั่งเศสเมื่อวันที่
14 กรกฎาคม พ.ศ. 2338 ต่อมาเพลงนี้ได้ถูกงดใช้ในช่วงรัชสมัยของจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 18 และมีการนำเพลงอื่นมาใช้เป็นเพลงชาติฝรั่งเศสแทนในระยเวลาดังกล่าวแทน หลังการปฏิวัติในปี พ.ศ. 2373 เพลงนี้ก็ได้กลับมาใช้เป็นเพลงชาติในระยะสั้นๆ แต่ก็งดใช้อีกครั้งในสมัยของจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 ตราบจนกระทั่งฝรั่งเศสเข้าสู่สมัยสาธารณรัฐที่ 3 เพลงนี้จึงได้รับการรับรองให้เป็นเพลงชาติอย่างถาวรเมื่อ พ.ศ. 2422




La Marseillaise


Allons enfants de la Patrie
ตื่นเถิด ลูกหลานแห่งปิตุภูมิเอ๋ย
Le jour de gloire est arrivé !
วันอันสว่างไสวมาถึงแล้ว
Contre nous de la tyrannie
เบื้องหน้าเรา เหล่าทรราช
L'étendard sanglant est levé. (bis)
ชักธงอาบเลือดขึ้นแล้ว
Entendez-vous dans les campagnes
พวกท่านได้ยินเสียงในท้องทุ่งหรือไม่ ?
Mugir ces féroces soldats ?
เสียงโห่ร้องของอ้ายทหารป่าเถื่อนนั่น
Ils viennent jusque dans vos bras
มันจะบุกเข้ามาจนประชิดตัว
Égorger vos fils, vos compagnes !
เพื่อบั่นศีรษะของลูกเมียที่อยู่ในอ้อมแขนท่าน !
Aux armes, citoyens !
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย
Formez vos bataillons !
จัดกองทัพของพวกท่านไว้ !
Marchons, marchons !
หน้าเดิน, หน้าเดิน !
Qu'un sang impur
จงยังให้เลือดชั่ว
Abreuve nos sillons !
อาบนองรอยผลานไถของเรา !
Que veut cette horde d'esclaves,
จะต้องการอะไรอีกเล่า เจ้าพวกทาส
De traîtres, de rois conjurés ?
แห่งคนทรยศและราชาผู้ลวงโลก ?
Pour qui ces ignobles entraves
ห่วงโซ่อันเลวร้ายนี้มีไว้ให้ใครกัน
Ces fers dès longtemps préparés ? (bis)
คงเตรียมเหล็กพวกนี้ไว้มานานแล้วสิ ? (ซ้ำ)
Français, pour nous, ah! Quel outrage,
ชาวฝรั่งเศสเอ๋ย มันเตรียมไว้กับเรานั่นแหละ อ้า! ช่างโหดร้ายนัก
Quels transports il doit exciter !
มันน่าแค้นเสียเหลือเกิน !
C'est nous qu'on ose méditer
เรานี้แหละคือผู้ที่มันบังอาจ
De rendre à l'antique esclavage !
คิดกดหัวให้เรากลับเป็นทาสอีกครั้ง !
Aux armes, citoyens...
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย...
Quoi! Des cohortes étrangères
ชะ! กองทหารต่างชาติพวกนี้หรือ
Feraient la loi dans nos foyers !
หมายจะตรากฎหมายของมันในแผ่นดินเรา !
Quoi! Ces phalanges mercenaires
ชะ! อ้ายพวกทหารรับจ้างนี้นะหรือ
Terrasseraient nos fiers guerriers ! (bis)
หมายจะทำลายนักรบผู้ภาคภูมิของเรา ! (ซ้ำ)
Grand Dieu! Par des mains enchaînées
พระเป็นเจ้า! ด้วยสองมือที่ถูกล่ามไว้
Nos fronts sous le joug se ploieraient
เราจำต้องก้มหน้าลงภายใต้แอก
De vils despotes deviendraient
เพราะผู้กดขี่สารเลวจะกลายเป็น
Les maîtres de nos destinées !
ผู้ลิขิตชะตาชีวิตของพวกเรา !
Aux armes, citoyens...
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย...
Tremblez, tyrans et vous perfides
จงสั่นสะท้านเถิด ! เหล่าคนทรยศและทรราช
L'opprobre de tous les partis
สิ่งอันน่าอัปยศของมนุษย์ทั้งหลาย
Tremblez! Vos projets parricides
จงสั่นสะท้านเถิด ! แผนพิฆาตมาตุภูมิของแก
Vont enfin recevoir leurs prix ! (bis)
จะต้องได้รับการตอบแทนอย่างสาสม ! (ซ้ำ)
Tout est soldat pour vous combattre
เราทุกคนคือนักรบที่จะสู้กับแก
S'ils tombent, nos jeunes héros,
มาตรว่าวีรชนผู้เยาว์ของเราสูญชีพไป
La terre en produit de nouveaux,
แผ่นดินย่อมสร้างพวกเขาขึ้นใหม่
Contre vous tout prêts à se battre !
และพร้อมที่จะเข้าร่วมรบต่อต้านแกเสมอ !
Aux armes, citoyens...
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย...
Français, en guerriers magnanimes,
ชาวฝรั่งเศสเอ๋ย ในฐานะนักรบผู้สูงเกียรติ
Portez ou retenez vos coups !
จงรู้จักทั้งใช้และยับยั้งอาวุธของท่าน !
Épargnez ces tristes victimes
จงไว้ชีวิตเหยื่อผู้โศกาดูร
À regret s'armant contre nous (bis)
เพราะมิได้เต็มใจจะจับอาวุธต่อต้านพวกเรา (ซ้ำ)
Mais ces despotes sanguinaires
แต่ไม่ใช่กับพวกคนกดขี่กระหายเลือด
Mais ces complices de Bouillé
แต่ไม่ใช่กับพวกสมคบคิดกับนายพลบุยเย
(Bouillé)
Tous ces tigres qui, sans pitié,
มันทั้งนั้นคือเสือร้ายไร้ปราณี
Déchirent le sein de leur mère !
ที่ฉีกกระชากทรวงอกของแม่มันเอง !
Aux armes, citoyens...
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย...
Amour sacré de la Patrie,
ความรักอันศักดิ์สิทธิ์ต่อแผ่นดินแม่เอ๋ย
Conduis, soutiens nos bras vengeurs
จงนำทางและเกื้อหนุนหัตถ์แห่งการล้างแค้นของเรา
Liberté, Liberté chérie,
เสรีภาพ เสรีภาพที่รักยิ่งเอ๋ย
Combats avec tes défenseurs ! (bis)
จงมาสู้ร่วมกับผู้พิทักษ์ของเจ้าเถิด ! (ซ้ำ)
Sous nos drapeaux que la victoire
ภายใต้ร่มธงของเรานี้ ชัยชนะเอ๋ย
Accoure à tes mâles accents,
เจ้าจงมาเร็วไวดุจดังชายชาตรี
Que tes ennemis expirants
ขอให้ศัตรูของเจ้าผู้ใกล้ขาดใจตาย,
Voient ton triomphe et notre gloire !
จงได้ประจํกษ์ความมีชัยของเจ้าและเกียรติศักดิ์ศรีของพวกเรา !
Aux armes, citoyens...
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย...
(Couplet des enfants)
(บทประสานเสียงสำหรับเด็ก)
Nous entrerons dans la carrière
เราจะขอเข้าแบกรับภาระต่อ
Quand nos aînés n'y seront plus
ในยามที่ผู้ใหญ่ทั้งหลายวอดวายสิ้น
Nous y trouverons leur poussière
เราจะขอแสวงหาซึ่งอัฐิธาตุ
Et la trace de leurs vertus (bis)
และตามรอยทางแห่งความดีงามของพวกเขาไว้ (ซ้ำ)
Bien moins jaloux de leur survivre
เรามิได้อิจฉาในการมีชีวิตอยู่รอด
Que de partager leur cercueil,
ยิ่งไปกว่าการได้ร่วมตายในโลงเดียวกัน
Nous aurons le sublime orgueil
พวกเราจะขอหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีอันสูงส่ง
De les venger ou de les suivre !
ในการล้างแค้น หรือการตามรอยพวกเขาสืบไป !
Aux armes, citoyens...
จับอาวุธเถิด พลเมืองเอย...