วันจันทร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554
Baobab
Adansonia Digitata มีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 species แหล่งเดิมของทั้ง 6 species อยู่ใน Madagascar (เกาะใหญ่อยู่ทางตะวันออกของทวีปแอฟริกา) และอยู่บนแผ่นดินใหญ่ของแอฟริกาและออสเตรเลีย (ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีป) อีกแห่งละหนึ่ง species
Mantis
Mantis ตั๊กแตนตำข้าว หากบอกว่า ตั๊กแตนตำข้าว เป็น ตั๊กแตนที่สวยที่สุดในโลก หลายคนคงร้องยี้ ไอ้ตัวเขียวเก้งก้างๆ มีขาหน้าเป็นเคียว มันสวยตรงไหน ? ก็คงจะจริง แต่ บางสายพันธุ์ของตั๊กแตนตำข้าวนั้น เพื่อเป็นการพรางตัว ให้กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม จึงนำไปสู่ความงามดังจะปรากฏดังต่อไปนี้
Malaysian orchid mantis ตั๊กแตนตำข้าวกล้วยไม้มาเลเซีย เป็นชื่อที่ใช้เรียกโดยทั่วไป ส่วนชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ ” Hymenopus coronatus “พบได้ทีประเทศมาเลเซีย( Malaysia ) อินโดนีเซีย( Indonesia ) และในป่าฝนของสุมาตรา ( Sumatran )อาศัยอยู่ ดอกของต้นมะละกอ ดอกกล้วยไม้ ดอกต้อน Frangipani ในช่วงยังไม่โตเต็มวัยอาหารหลักคือ แมลงวันผลไม้ แต่เมื่อโตเต็มวัย พวกมันสามารถกินทุกอย่างที่มันจับได้ รวมถึงกิ่งก่าตัวเล็ก โดยหลักพวกมันเป็นสัตว์กินเนื้อ แต่พวกมันยังกินกล้วย บ้างเล็กน้อยเพื่อเป็นการเสริมวิตามิน และโพแทสเซียม พวกมันมีขาทั้งสีที่ใช้เดินมีลักษณะเหมือนกลีบดอกไม้ สีร่างกายจะปรับเปลี่ยนไปตามถิ่นที่อยู่ มีทั้งสีชมพู สีขาว ทำให้พวกมันเป็น ตั๊กแตนที่สวย ที่สุดในโลก
วันฮาโลวีน
วันฮาโลวีน เป็นงานฉลองในคืนวันที่ 31 ตุลาคม ประเทศทางตะวันตก เด็กๆ จะแต่งกายเป็นภูตผีปีศาจพากันชักชวนเพื่อนฝูงออกไปงานฉลอง มีการประดับประดาแสงไฟ และที่สำคัญคือแกะสลักฟักทองเป็นโคมไฟ เรียกว่า แจ๊ก-โอ'-แลนเทิร์น (jack-o'-lantern)
การฉลองวันฮาโลวีนนิยมจัดกันในสหรัฐอเมริกา ไอร์แลนด์ สหราชอาณาจักร แคนาดา และยังมีในออสเตรเลีย กับนิวซีแลนด์ด้วย รวมถึงประเทศอื่นในทวีปยุโรปก็นิยมจัดงานวันฮาโลวีนเพื่อความสนุกสนาน
ประวัติ
วันที่ 31 ต.ค. เป็นวันที่ชาว เคลต์ (Celt) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองเผ่าหนึ่งในไอร์แลนด์ ถือกันว่า เป็นวันสิ้นสุดของฤดูร้อน และวันต่อมา คือ วันที่ 1 พ.ย. เป็นวันขึ้นปีใหม่ ซึ่งในวันที่ 31 ต.ค. นี่เองที่ชาวเคลต์เชื่อว่า เป็นวันที่มิติคนตาย และคนเป็นจะถูกเชื่อมโยงเข้าด้วยกัน และวิญญาณของผู้ที่เสียชีวิตในปีที่ผ่านมาจะเที่ยวหาร่างของคนเป็นเพื่อสิงสู่ เพื่อที่จะได้มีชีวิตขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เดือดร้อนถึงคนเป็น ต้องหาทุกวิถีทางที่จะไม่ให้วิญญาณมาสิงสู่ร่างตน ชาวเคลต์จึงปิดไฟทุกดวงในบ้าน ให้อากาศหนาวเย็น และไม่เป็นที่พึงปรารถนาของบรรดาผีร้าย นอกจากนี้ยังพยายามแต่งกายให้แปลกประหลาด ปลอมตัวเป็นผีร้าย และส่งเสียงดังอึกทึก เพื่อให้ผีตัวจริงตกใจหนีหายสาบสูญไป
บางตำนานยังเล่าถึงขนาดว่า มีการเผา "คนที่คิดว่าถูกผีร้ายสิง" เป็นการเชือดไก่ให้ผีกลัวอีกต่างหาก แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนคริสตกาล ที่ความคิดเรื่องผีสางยังฝังรากลึกในจิตใจมนุษย์ ต่อมาในศตวรรษแรกแห่งคริสตกาล ชาวโรมันรับประเพณีฮาโลวีนมาจากชาวเคลต์แต่ได้ตัดการเผาร่างคนที่ถูกผีสิงออก เปลี่ยนเป็นการเผาหุ่นแทน กาลเวลาผ่านไป ความเชื่อเรื่องผีจะสิงสูร่างมนุษย์เสื่อมถอยลงตามลำดับ ฮาโลวีนกลายเป็นเพียงพิธีการ การแต่งตัวเป็นผี แม่มด สัตว์ประหลาดตามแต่จะสร้างสรรค์กันไป ประเพณีฮาโลวีนเดินทางมาถึงอเมริกาในทศวรรษที่ 1840 โดยชาวไอริชที่อพยพมายังอเมริกา สำหรับประเพณี ทริกออร์ทรีต (Trick or Treat แปลว่า หลอกหรือเลี้ยง) นั้น เริ่มขึ้นในราวคริสต์ศตวรรษที่ 9 โดยชาวยุโรป ซึ่งถือว่า วันที่ 2 พ.ย. เป็นวัน 'All Souls' พวกเขาจะเดินร้องขอ 'ขนมสำหรับวิญญาณ' (soul cake) จากหมู่บ้านหนึ่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง โดยเชื่อว่า ยิ่งให้ขนมเค้กมากเท่าไร วิญญาณของญาติผู้บริจาคก็ได้รับผลบุญ ทำให้มีโอกาสขึ้นสวรรค์ได้มากเท่านั้น
วันศุกร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2554
London busses
London busses เป็นส่วนหนึ่งที่มีความสำคัญของเมือง เป็นสัญลักษณ์และภูมิศาสตร์ที่สำคัญ การออกแบบของเราผสมผสานความร่วมสมัยและนวัตกรรมใหม่ๆที่เหนือกาลเวลาเหมือนกับต้นแบบของรถเมล์สองชั้น-ซึ่งก่อนหน้านี้ได้คงอยู่มานานแล้วรถเมล์แบบใหม่ของLondon ควรจะแสดงให้เห็นถึงประสบการณ์เดินทางแบบใหม่ซึ่ง นำมาใช้ในศตวรรษที่21 ซึ่งเป็นความใฝ่ฝัน ในขณะเดียวกันก็เป็นความทรงจำดั้งเดิมที่เคยมี
การแข่งขันของผู้คนในการรักษาสิ่งแวดล้อม รสเมล์แบบใหม่ไม่มีการปล่อยควันพิษออกมา รถเมล์สองชั้นที่มีโถงขนาดใหญ่ที่ผู้โดยสารสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมือง ขณะเดียวกัน ก็มีหลังคากระจกที่มีแผงโซลาเซลล์ ซึ่งกำเนิดพลังงานและนำไปทำความร้อนให้กับห้องโดยสาร และควบคุมอุณหภูมิ ใต้ชั้นลอยจะเป็นห้องนั่งเล่นที่เป็นพื้นไม้และเบาะที่นั่งเป็นเบาะหนังงานออกแบบนี้จะเปิดตัวหลังการเปิดสถานีและ และจะเสนอเรื่องที่นั่งของผู้พิการและที่นั่งสำหรับครอบครัวกับเด็กเล็กในเอนทรีต่อไป
วัดพระธาตุเขาน้อย จ. น่าน
วัดพระธาตุเขาน้อย องค์พระธาตุตั้งอยู่บนยอดดอยเขาน้อย ซึ่งอยู่ด้านตะวันตกของตัวเมืองน่าน สร้างในสมัยเจ้าปู่แข็ง เมื่อปี พ.ศ. 2030 องค์พระธาตุเป็นเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ เป็นศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดชฯ ระหว่างปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า และวิหารสร้างในสมัยนี้เช่นกัน
จากวัดพระธาตุเขาน้อย สามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่าน ปัจจุบันบริเวณลานชมทิวทัศน์ ประดิษฐานพระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ฯ ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542
จากตัวเมืองน่านใช้เส้นทางเดียวกับวัดพญาวัด แต่เลยไปอีกราว 2 กม. ขึ้นเขาไป ก็จะถึงยอดเขาน้อยซึ่งเป็นที่ตั้งของวัด วัดพระธาตุเขาน้อย เป็นปูชนียสถานที่สำคัญและเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งของ จ.น่าน สันนิษฐานว่ามีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพระธาตุแช่แห้ง ตั้งอยู่บนดอยเบาน้อย สูงจากระดับน้ำทะเล ประมาณ 240 ม. หน้าวัดมีทางขึ้นเป็นบันไดนาค 303 ขั้น
ทางรถขึ้นถึงตัววัด เมื่อขึ้นไปยืนบนยอดเขา จะมองเป็นทิวทัศน์ของเมืองน่าน ได้อย่างชัดเจน ตามประวัติ พระธาตุองค์นี้ สร้างโดยมเหสีรองของพญาภูเข็ง เจ้าผู้ครองนครน่าน เมื่อราวพุทธศตวรรณที่ 20 เจ้าผู้ครองนครน่าน อีกหลายองค์ต่อมา ได้บูรณปฏิสังขรณ์องค์พระธาตุ โดยตลอด จนกระทั่งมีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ ในปี พ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่า ชื่อหม่องยิง
กรมศิลปากรได้ทำการสำรวจและขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ.2523 ด้วยความเป็นวัดที่อยู่บนเขาสูง จึงเป็นจุดชมทิวทัศน์ ที่สวยงาม อยู่ตรงลานปูน พระพุทธรูปปางลีลาองค์ใหญ่ คือพระพุทธมหาอุตมมงคมนันทบุรีศรีเมืองน่าน สร้างเมื่อปี พ.ศ.2542 ถีอเป็นจุดเดียวที่เห็นเมืองน่านจากมุมสูง เราจะเห็นขุนเขา น้อยใหญ่ ตั้งทะมึนโอบล้อมเมืองน่าน เป็นฉากหลัง จุดนี้ยังแสดงให้เราเห็นชัด ถึงลักษณะการตั้งเมือง ของทางภาคเหนือ ที่มักเลือกทำเลที่ตั้ง บนที่ราบลุ่ม และหุบเขาด้วย
รับมือน้ำท่วม
คู่มือ รับสถานการณ์น้ำท่วม
เหตุการณ์ อุทกภัยที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมาได้ได้สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและ ทรัพย์สินของประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่น้ำท่วม โดยทางรัฐและหน่วยงานที่มีหน้าที่ความรับผิดชอบต้องกรทำการป้องกันและฟื้นฟู ระบบสาธารณูปโภคที่สำคัญก่อน อาจไม่สามารถให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนได้อย่างทันที ดังนั้นประชาชนจึงควรมีความพร้อมในการเตรียมรับสถานการ์น้ำท่วมเพื่อป้องกัน และบรรเทาภัยที่จะเกิดขึ้นได้
การเตรียมการก่อนน้ำท่วม
การป้องกันตัวเองและความสียหายจากน้ำท่วม ควรมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้า เพราะหากรอให้มีการเตือนภัยเวลามักไม่เพียงพอ รู้จักกับภัยน้ำท่วมของคุณ สอบถามหน่วยงานที่มีการจัดการด้านน้ำท่วม ด้วยคำถามดังต่อไปนี้
- ภายในละแวกใกล้เคียงในรอบหลายปี เคยเกิดน้ำท่วมสูงที่สุดเท่าไร
- เราสามารถคาดคะเนความเร็วน้ำหรือโคลนได้หรือไม่
- เราจะได้การเตือนภัยล่วงหน้าก่อนที่น้ำจะมาถึงเป็นเวลาเท่าไหร่
- เราจะได้รับการเตือนภัยอย่างไร
- ถนนเส้นใดบ้าง ในละแวกนี้ที่จะถูกน้ำท่วมหรือจะมีสิ่งกีดขวาง
การรับมือสำหรับน้ำท่วมครั้งต่อไป
1. คาดคะเนความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับทรัพย์สินของคุณเมื่อเกิดน้ำท่วม
2. ทำความคุ้นเคยกับระบบการเตือนภัยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและขี้นตอนการอพยพ
3. เรียนรู้เส้นทางการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด จากบ้านไปยังที่สูงหรือพื้นที่ปลอดภัย
4. เตรียมเครื่องมือรับวิทยุแบบพกพา อุปกรณ์ทำอาหารฉุกเฉินแหล่งอาหารและไฟฉาย รวมทั้งแบตเตอร์รี่สำรอง
5. ผู้คนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงต่อภัยน้ำท่วม ควรจะเตรียมวัสดุ เช่น กระสอบทราย แผ่นพลาสติก ไม้แผ่น ตะปู กาวซิลิโคน เพื่อใช้ป้องกันบ้านเรือน และควรทราบแหล่งวัตถุที่จะนำมาใช้
6. นำรถยนต์และพาหนะไปเก็บไว้ในพื้นที่ซึ่งน้ำไม่ท่วมถึง
7. ปรึกษาและทำข้อตกลงกับบริษัทประกันภัย เกี่ยวกับการประกันความเสียหาย
8. บันทึกหมายเลขโทรศัพท์สำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉินและเก็บไว้ตามที่จำง่าย
9. รวบรวมของใช้จำเป็นและเสบียงอาหารที่ต้องการใช้ ถายหลังน้ำท่วมไว้ในที่ปลอดภัยและสูงกว่าระดับที่คาดว่าน้ำจะท่วมถึง
10. ทำบันทึกรายการทรัพย์สินมีค่างทั้งหมด ถ่ายรูปหรือวีดีโอเก็บไว้เป็นหลักฐาน
11. เก็บ บันทึกรายการทรัพย์สิน เอกสารสำคัญและของมีค่าอื่นๆ ในสถานที่ปลอดภัยห่างจากบ้านหรือห่างไกลจากที่น้ำท่วมถึง เช่น ตู้เซฟที่ธนาคาร หรือไปรษณีย์
12. ทำแผนการรับมือน้ำท่วม และถ่ายเอกสารเก็บไว้เป็นหลักฐานที่สังเกตุได้ง่าย และติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันน้ำท่วมที่เหมาะสมกับบ้านของคุณ
ถ้าคุณคือพ่อแม่
- ทำหารซักซ้อมและให้ข้อมูลแก่บุตรหลานของคุณ ขณะเกิดน้ำท่วม เช่น ไม่สัมผัสเครื่องใช้ไฟฟ้า ปลั๊กไฟ หลีกเลี่ยงการเล่นน้ำและอยู่ใกล้เส้นทางน้ำ
- ต้องการทราบหมายเลขโทรศัพท์ฉุกเฉินของหน่วยงานท้องถิ่น
- ต้องการทราบแผนฉุกเฉินสำหรับ โรงเรียนที่บุตรหลานเรียนอยู่
- เตรีมแผนการอพยพสำหรับครอบครัวของคุณ
- จัดเตรียมกระสอบทราย เพื่อกันน้ำไม่ให้เข้าสู่บ้านเรือน
- ต้องมั่นใจว่าเด็กๆ ได้รับทราบแผนการรับสถานการณ์น้ำท่วมของครอบครัวและของโรงเรียน
การทำแผนรับมือน้ำท่วม
การจัดทำแผนรับมือน้ำท่วม จะช่วยให้คุณนึกถึงสิ่งต่างๆ ที่จะต้องทำหลังได้รับการเตือนภัยเดินสำรวจทั่วทั้งบ้านด้วยคำแนะนำที่กล่าว มา พร้อมทั้งจดบันทึกด้วยว่าจะจัดการคำแนะนำอย่างไร ในช่วงเวลาที่ทุกๆ คนเร่งรีบและตื่นเต้นเนื่องจากภัยคุกคาม สิ่งที่สำคัญที่จะลืมไม่ได้ก็คือ หมายเลขโทรศัพท์ต่างๆ ที่สำคัญไว้ในแผนด้วย
ถ้าคุณมีเวลาเล็กน้อยหลังการเตือนภัย :
สิ่งที่ต้องทำและมีในแผน
- สัญญาเตือนภัยฉุกเฉิน และสถานีวิทยุ หรือสถานีโทรทัศน์ที่รายงานสถานการณ์
- รายชื่อสถานที่ 2 แห่งที่สมาชิกในครอบครัวสามารถพบกันได้หลังจากพลัดหลงโดยสถานที่แรกให้อยู่ ใกล้บริเวณบ้านและอีกสถานที่อยู่นอกพื้นที่ที่น้ำท่วมถึง
ระดับการเตือนภัยน้ำท่วม
ลักษณะการเตือนภัยมี 4 ประเภท คือ
1. การเฝ้าระวังน้ำท่วม : มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดน้ำท่วมและอยู่ในระหว่างสังเกตุการณ์
2. การเตือนภัยน้ำท่วม : เตือนภัยจะเกิดน้ำท่วม
3. การเตือนภัยน้ำท่วมรุนแรง : เกิดน้ำท่วมอย่างรุนแรง
4. ภาวะปกติ : เหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติหรือเป็นพื้นที่ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม
สิ่งที่คุณควรทำ : หลังจากได้รับการเตือนภัยจากหน่วยงานด้านเตือนภัยน้ำท่วม
1. ติดตามการประกาศเตือนภัยจากสถานีวิทยุท้องถิ่น โทรทัศน์หรือรถแจ้งข่าว
2. ถ้ามีการเตือนภัยน้ำท่วมฉับพลันและคุณอยู่ในพื้นที่หุบเขาให้ปฎิบัติดังนี้
- ปีนขึ้นที่สูงให้เร็วสุดเท่าที่จะทำได้
- อย่าพยายานำสัมภาระติดตัวไปมากเกินไป ให้คิดว่าชีวิตสำคัญที่สุด
- อย่าพยายามวิ่งหรือขับรถผ่านบริเสณน้ำหลาก
3. ดำเนินการตามแผนรับมือน้ำท่วมที่ได้วางแผนไว้แล้ว
4. ถ้ามีการเตือนภัยการเฝ้าระวังน้ำท่วมจะยังมีเวลาในการเตรียมแผนรับมือน้ำท่วม
5. ถ้ามีการเตือนภัยน้ำท่วมและคุณอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมถึง
ควรปฎิบัติดังนี้
- ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและแก๊ซถ้าจำป็น
- อุดปิดช่องน้ำทิ้งอ่างล่างจาน
- พื้นที่ห้องน้ำและสุขภัณฑ์ที่น้ำสามารถไหลเข้าบ้าน
- อ่านวิธีการที่ทำให้ปลอดภัยจากเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่ออยู่นอกบ้าน
- ล็อคประตูบ้านและอพยพขึ้นที่สูง
- ถ้าไม่มีที่ปลอดภัยบนที่สูง ให้ฟังข้อมูลจากวิทยุหรือโทรทัศน์เกี่ยวกับสถานที่หลบภัยของหน่วยงาน
6. หากบ้านพักอาศัยของคุณไม่ได้อยู่ในที่น้ำท่วมถึง
- อ่านวิธีการที่ทำให้ความปลอดภัยเมื่ออยู่ในบ้าน
7. หากบ้านพักอาศัยของคุณไม่ได้อยู่ในที่น้ำท่วมถึงแต่อาจมีน้ำท่วมในห้องใต้ดิน
- ปิดอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องใต้ดิน
- ปิดแก็ซหากคาดว่าน้ำจะท่วมเตาแก็ซ
- เคลื่อนย้ายสิ่งของมีค่าขึ้นข้างบน
- ห้ามอยู่ในห้องใต้ดิน เมื่อมีน้ำท่วมถีงบ้าน
วันอังคารที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2554
Gypsy Vanner
Gypsy Vanner เป็นม้าในกลุ่มของม้าลากรถ ของชาวยิปซี แต่มีคนรู้เกี่ยวกับสายเลือดของม้าพันธุ์นี้น้อยมาก เนื่องจากมันเป็นความลับสุดยอดของเจ้าของสายพันธุ์ พฤศจิกายน 1996 ได้มีการกำหนดมาตรฐานสายพันธุ์ ม้าพันธุ์ยิปซี แวนเนอร์ โดยกำหนดจากความสูง ดังนี้
1. ถ้าความสูงน้อยกว่า 14 hands เรียกว่า มินิยิปซี ( Mini Gypsy )
2. ถ้าความสูงระหว่าง 14 - 15.2 hands เรียกว่า คราสสิคยิปซี ( Grand Gypsy )
3. ถ้าความสูงกว่า 15.2 hands เรียกว่า แกรนด์ยิปซี ( Grand Gypsy )
หมายเหตุ หน่วยวัด hand คือหน่วยวัดโบราณโดยใช้มือผู้ชาย โดยการกางนิ้วหัวแม่มือออกจนตั้งฉากกับฝ่ามือ แล้ววัดจากริมฝ่ามือถึงปลาย นิ้วหัวแม่มือ ( 10 เซ็นติเมตร )
ลักษณะของ สายพันธุ์ม้ายิปซีแวนเนอร์
* สี : ไม่มีกำหนดสีมาตรฐาน แต่โดยทั่วไปแล้ว แบบที่หนึ่งเป็นแบบแต้มใหญ่สีดำ และแบบที่สองเป็นแบบแต้มใหญ่สีออกสีแดงลูกวัว
* ขน : ยาว ตรง สีขาว ทิ้งตัวลง คล้ายเส้นไหม
* รูปร่าง : คอสั้น อกกว้าง หลังสั้น ความยาวประมาณ 14 ถึง 17 hands ก้นใหญ่ ไหล่แข็งแรง
และด้วยรูปร่างที่สมส่วน เส้นขนดุจแพรไหม การเดินการวิ่งที่สง่างาม จึงทำให้ม้า สายพันธุ์ยิปซีแวนเนอร์ เป็นม้า สวยที่สุดในโลก
วันจันทร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2554
จัตุรัสแดง
จัตุรัสแดงถูกตั้งขึ้นในช่วงศตวรรษที่ 15 ภายใต้พระราชโองการของพระเจ้าอีวานมหาราช การสร้างจัตุรัสแดงนี้มีจุดประสงค์เพื่อปรับปรุงความปลอดภัยของพระราชวังเครมลินโดยการสร้างพื้นที่นอกกำแพงวังสำหรับใช้ยิงเพราะตำแหน่งที่จัตุรัสแดงตั้งอยู่นั้นขาดแนวป้องกันทางธรรมชาติ โดยพื้นที่ของจัตุรัสแดงในสมัยนั้นถือเป็นศูนย์กลางของการค้าขาย ต่อมาในสมัยของพระเจ้าซาร์อีวานที่ 4 มหาวิหารเซนต์เบซิล มหาวิหารที่ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจัตุรัสแดงในปัจจุบันก็ได้ถูกสร้างขึ้น หลังจากนั้นจัตุรัสแดงก็ถูกปรับปรุงพื้นที่เรื่อยมา จนกระทั่งหลังจากการรุกรานของฝรั่งเศสโดยนโปเลียน มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้น อาคารบางหลังและสิ่งปลูกสร้างสำหรับการค้าขายซึ่งถูกไฟไหม้ได้ถูกรื้อถอนออกและมีการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ขึ้นแทน อาทิเช่น รถราง การประดับด้วยโคมไฟ ห้างสรรพสินค้า GUM เป็นต้น
สมัยสหภาพโซเวียต จัตุรัสแดงใช้เป็นที่สำหรับการเดินสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหาร โดยจะมีการแสดงแสนยานุภาพทางการทหารสำหรับวันเมย์เดย์, วันแห่งชัยชนะ และการปฏิวัติเดือนตุลาคม การเดินขบวนที่เด่น ๆ มีอยู่ 2 เหตุการณ์คือการเดินขบวนในปี ค.ศ. 1941 ซึ่งในเวลานั้น สหภาพโซเวียตกำลังถูกรุกรานโดยนาซีเยอรมนี ทหารที่มาเดินขบวนนั้น หลังเสร็จสิ้นการเดินขบวนก็ถูกส่งตรงจากจัตุรัสแดงไปแนวหน้าทันที และอีกครั้งคือการเดินขบวนใน ค.ศ. 1945 ซึ่งเป็นการเดินฉลองชัยชนะหลังจากที่นาซีเยอรมนียอมแพ้ต่อสหภาพโซเวียตแล้ว
ต่อมาในปัจจุบัน จัตุรัสแดงถูกใช้เป็นสถานที่สำหรับการจัดแสดงของศิลปินและวงดนตรีชื่อดังหลายกลุ่มเช่น ชากีรา วงสกอร์เปียนส์ พอล แม็กคาร์ตนีย์ เป็นต้น นอกจากนี้ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 รัสเซียได้ประกาศว่าจะกลับมาเดินขบวนอีกครั้งและในเดือนพฤษภาคมปีเดียวกัน ก็ได้มีการเดินขบวนเป็นครั้งแรกหลังจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ล่าสุดในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2010 ในโอกาสครบรอบ 65 ปีของการยอมรับความพ่ายแพ้ของเยอรมนี กองทหารจากฝรั่งเศส โปแลนด์ และสหราชอาณาจักรได้ร่วมกันเดินสวนสนามในวันแห่งชัยชนะที่มอสโกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์